บทความ
การเพาะเมล็ดแคคตัสแบบปิด
ตามติดพัฒนาการตั้งแต่ก่อนและหลังการเพาะเมล็ด
การเพาะเมล็ดแคคตัสเป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก
กว่าที่แคคตัสต้นหนึ่งจะงอกและเจริญเติบโตจนมีดอกสวยๆ ให้ได้ชมกันนั้นอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการเลี้ยงดูประคบประงม
ซึ่งนักปลูกบางท่านก็คงจะคิดว่ามันนานเกินไปรอไม่ไหวก็เลยไม่สนใจในเรื่องราวของการเพาะเมล็ด
แต่ข้อดีในเรื่องของการเพาะเมล็ดนั้นก็มีอยู่หลายข้อ
เช่นไม้เพาะเมล็ดนั้นจะมีระบบรากที่แข็งแรงมีรากแก้ว และในการเพาะเมล็ดยังมีโอกาสที่จะได้ลูกไม้ที่มีหน้าตาที่สวยงามเหมือนกับต้นพ่อแม่หรือสวยงามโดดเด่นมากกว่าต้นพ่อแม่ก็เป็นไปได้
หรืออาจที่จะได้ไม้ด่างหรือไม้ที่มีลักษณะเด่นที่แปลกแตกต่างออกไป
เมื่อหยอดเมล็ดลงไปเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็เอากระถางเพาะของเราเอาไปแช่ในน้ำที่มียากันราผสมเอาไว้อยู่
บางท่านอาจจะมีการผสมยาเร่งราก B1
หรือวิตามินอะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับผมนั้นไม่ใช้ครับ ผมใช้แค่น้ำผสมกับยากันราจางๆ
แค่นั้นพอแล้วครับ
หลังจากที่แช่กระถางเพาะไปได้สักพักให้วัสดุเพาะดูดน้ำเข้าไปจนเต็มที่จนเห็นแล้วว่าพีทมอสนั้นผมน้ำไว้จนชุ่มแล้ว
ผมก็จะยกออกมาแล้วพ่นยากันราซ้ำบริเวณผิวหน้าที่เราโรยเมล็ดเอาไว้
ก็คือพ่นยากันราใส่เมล็ดเพื่อป้องกันเมล็ดขึ้นราหรือเน่าครับ
จากนั้นก็จะทำการเอาใส่ถุงพลาสติก
การที่เราเอากระถางเพาะใส่ในถุงพลาสติกแล้วมัดปากแบบนี้นั้นก็เพื่อเป็นการรักษาความชื้นให้วัสดุเพาะนั้นแห้งช้านั่นเองครับ
ซึ่งการเพาะแบบนี้นั้นเราเรียกว่าการเพาะเมล็ดแคคตัสแบบปิด
ส่วนแท็กที่เราเขียนเอาไว้ตอนผสมว่าพ่อแม่เป็นใครก็เอามาติดไว้ตามสะดวก
บางท่านก็ปักในกระถางเพาะนั่นล่ะครับ แต่ของผมตอนเขียนดันเขียนใส่ป้ายอันใหญ่
ตอนจะปักก็เลยรู้สึกว่าเกะกะไปหน่อยเลยเอามาผูกไว้กับปากถุงมันซะแบบนี้เลยแล้วกัน
หลังจากที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว
ใส่ถุงแบบนี้แล้วจากนั้นเราก็เอาเจ้าถุงใส่กระถางเพาะของเราเนี่ยเอาไปเก็บไว้ในจุดที่มีแสงส่องรำไร
แต่อย่าให้โดนแดดจัดๆ เป็นอันขาดนะครับ ต้นอ่อนจะสุกตายเอาได้ง่ายๆ อย่างสถานที่วางถุงเพาะเมล็ดของผมนั้น
ก็จะเป็นใต้โต๊ะที่ใช้วางกระถางแคคตัสนั่นล่ะครับ
สว่างมีแสงแดดอ่อนๆส่องถึงบ้างในช่วงเช้าถึงสาย แค่นั้น
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะพอเพียงแล้วล่ะเมื่อมาถึงขั้นตอนนี้แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะครับ
เราก็ปล่อยเค้าไว้แบบนั้นแล้วรอดูการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่นานเมล็ดจะเริ่มงอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อนอย่างที่เห็น
แกะถุงออกมานั้นก็เพื่อที่จะทำการโรยหินประคองต้นนั้นเองครับ
ซึ่งใช้เป็นหินก้อนเล็กๆ โรยบางๆ
ต้นไหนล้มก็ทำการจัดลำต้นซะหน่อยแล้วเอาหินโรยค้ำเอาไว้
โรยหินจนทั่วแบบนี้ก็ดูสวยดีไปอีกแบบนะครับ เป็นระเบียบ
ในการดูแลแคคตัสต้นน้อยๆ
เหล่านี้นั้นผมให้พวกเค้าได้รับแสงแดดที่ไม่แรงจนเกินไปนัก
แต่ถ้าสถานที่ปลูกมีข้อจำกัดในเรื่องแสงแดดแล้วล่ะก็
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้เค้าเจอกับแดดแรงๆ
ช่วงเที่ยงวันแนะนำว่าควรที่จะมีการใช้แลนช่วงพลางแสงให้เบาลงด้วยนะครับ
เพราะแคคตัสเล็กๆ เหล่านี้นั้นยังไม่แข็งแรงมาก ไม่สามารถที่จะทนกับแสงแดดจัดๆ
ได้สักเท่าไร
ส่วนการรดน้ำนั้น ผมไม่ได้มีหลักอะไรมากมาย
แค่สังเกตุที่วัสดุปลูก ถ้าเห็นว่าเริ่มจะแห้งเมื่อไรก็ถึงจะรดน้ำ บางทีอากาศแห้งๆ
ลมแรงๆ วัสดุปลูกก็แห้งเร็ว แต่ถ้าช่วงไหนแดดน้อย ฝนตก อากาศชื้น
วัสดุปลูกแห้งช้าก็ไม่ค่อยได้รดน้ำ สังเกตุที่วัสดุปลูกเป็นหลักเอาไว้ก่อน
ถ้าชื้นก็ผ่านไปแห้งตอนไหนก็ค่อยรดนํ้า
เมื่อหยอดเมล็ดลงไปเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็เอากระถางเพาะของเราเอาไปแช่ในน้ำที่มียากันราผสมเอาไว้อยู่
บางท่านอาจจะมีการผสมยาเร่งราก B1
หรือวิตามินอะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับผมนั้นไม่ใช้ครับ ผมใช้แค่น้ำผสมกับยากันราจางๆ
แค่นั้นพอแล้วครับ
การที่เราเอากระถางเพาะใส่ในถุงพลาสติกแล้วมัดปากแบบนี้นั้นก็เพื่อเป็นการรักษาความชื้นให้วัสดุเพาะนั้นแห้งช้านั่นเองครับ
ซึ่งการเพาะแบบนี้นั้นเราเรียกว่าการเพาะเมล็ดแคคตัสแบบปิด
ส่วนแท็กที่เราเขียนเอาไว้ตอนผสมว่าพ่อแม่เป็นใครก็เอามาติดไว้ตามสะดวก
บางท่านก็ปักในกระถางเพาะนั่นล่ะครับ แต่ของผมตอนเขียนดันเขียนใส่ป้ายอันใหญ่
ตอนจะปักก็เลยรู้สึกว่าเกะกะไปหน่อยเลยเอามาผูกไว้กับปากถุงมันซะแบบนี้เลยแล้วกัน
หลังจากที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว
ใส่ถุงแบบนี้แล้วจากนั้นเราก็เอาเจ้าถุงใส่กระถางเพาะของเราเนี่ยเอาไปเก็บไว้ในจุดที่มีแสงส่องรำไร
แต่อย่าให้โดนแดดจัดๆ เป็นอันขาดนะครับ ต้นอ่อนจะสุกตายเอาได้ง่ายๆ อย่างสถานที่วางถุงเพาะเมล็ดของผมนั้น
ก็จะเป็นใต้โต๊ะที่ใช้วางกระถางแคคตัสนั่นล่ะครับ
สว่างมีแสงแดดอ่อนๆส่องถึงบ้างในช่วงเช้าถึงสาย แค่นั้น
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะพอเพียงแล้วล่ะเมื่อมาถึงขั้นตอนนี้แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะครับ
เราก็ปล่อยเค้าไว้แบบนั้นแล้วรอดูการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่นานเมล็ดจะเริ่มงอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อนอย่างที่เห็น
แกะถุงออกมานั้นก็เพื่อที่จะทำการโรยหินประคองต้นนั้นเองครับ
ซึ่งใช้เป็นหินก้อนเล็กๆ โรยบางๆ
ต้นไหนล้มก็ทำการจัดลำต้นซะหน่อยแล้วเอาหินโรยค้ำเอาไว้
โรยหินจนทั่วแบบนี้ก็ดูสวยดีไปอีกแบบนะครับ เป็นระเบียบ
ในการดูแลแคคตัสต้นน้อยๆ
เหล่านี้นั้นผมให้พวกเค้าได้รับแสงแดดที่ไม่แรงจนเกินไปนัก
แต่ถ้าสถานที่ปลูกมีข้อจำกัดในเรื่องแสงแดดแล้วล่ะก็
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้เค้าเจอกับแดดแรงๆ
ช่วงเที่ยงวันแนะนำว่าควรที่จะมีการใช้แลนช่วงพลางแสงให้เบาลงด้วยนะครับ
เพราะแคคตัสเล็กๆ เหล่านี้นั้นยังไม่แข็งแรงมาก ไม่สามารถที่จะทนกับแสงแดดจัดๆ
ได้สักเท่าไร
ส่วนการรดน้ำนั้น ผมไม่ได้มีหลักอะไรมากมาย
แค่สังเกตุที่วัสดุปลูก ถ้าเห็นว่าเริ่มจะแห้งเมื่อไรก็ถึงจะรดน้ำ บางทีอากาศแห้งๆ
ลมแรงๆ วัสดุปลูกก็แห้งเร็ว แต่ถ้าช่วงไหนแดดน้อย ฝนตก อากาศชื้น
วัสดุปลูกแห้งช้าก็ไม่ค่อยได้รดน้ำ สังเกตุที่วัสดุปลูกเป็นหลักเอาไว้ก่อน
ถ้าชื้นก็ผ่านไปแห้งตอนไหนก็ค่อยรดนํ้า